เลือกหน้า

หนึ่งในสองคนร้ายที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมหลังก่อเหตุยิงประธานชมรมกำนันบันนังสตาจนเสียชีวิต มีประวัติเป็นผู้ก่อความไม่สงบระดับปฏิบัตการ แต่ไม่มีหมายจับในคดีอาญา 

เหตุยิงประธานชมรมกำนัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา จนเสียชีวิต เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.61 ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ เพชรสถิต ร้อยเวร สภ.บันนังสตา รับแจ้งเหตุยิง นายดุลลาเต๊ะ ยานยา กำนัน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ในพื้นที่บ้านกาสัง หมู่ 3 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

เบื้องต้นทราบว่า นายดุลลาเต๊ะถูกยิงขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน หลังไปละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดในชุมชน โดยคนร้ายมากัน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงจนนายดุลลาเต๊ะเสียชีวิตคาถนน จากนั้นคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางบ้านตาเนาะปูเต๊ะใน และเกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา จนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายเสียหลัก ทำให้คนร้ายตัดสินใจทิ้งรถไว้ข้างทาง แล้ววิ่งหลบหนีไปเข้าไปในป่า

ต่อมา ร.ต.อ.นิพนธ์ อ่อนรักษ์ จากชุดเฉพาะกิจพิเศษ กองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 หรือ“ชุดเดลต้า” พร้อมกำลัง 6 นาย ได้ติดตามไล่ล่าคนร้ายทั้งสองคนจนเกิดการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย บริเวณร่องน้ำทุ่งนาท้ายหมู่บ้านตาเนาะปูเต๊ะใน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา ส่วนอีกคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่รัศมี 10 กิโลเมตรเพื่อกดดันให้ออกมามอบตัว

idcard

เปิดประวัติคนร้าย-จยย.ไม่ได้แจ้งหาย

 สำหรับประวัติของผู้เสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังว่าคือ นายอาบะห์ ดีสะเอะ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เป็นแนวร่วมระดับปฏิบัติการ หรือ “อาร์เคเค” (หน่วยรบขนาดเล็ก มี 6 คน แต่ละคนผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ไม่พบว่ามีหมายจับในคดีอาญาและคดีความมั่นคง แต่เคยถูกออกหมาย ฉฉ. ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปซักถาม แต่ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว จากนั้นก็กลับมาเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบอีกครั้ง ทำหน้าที่เป็นผู้สะกดรอยและชี้เป้าเหยื่อ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรพลิกศพ นายอาบะห์ พร้อมนำอาวุธปืนพกประจำกายไปตรวจพิสูจน์ลำกล้องและเกลียวกระสุน เพราะเชื่อว่าอาจจะเป็นปืนที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงในพื้นที่อีกหลายคดี

ส่วนคนร้ายที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ คือ นายมูฮัมหมัด ฮะยีสาเมาะ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบประวัติ พร้อมประกาศว่าหากไม่ออกมามอบตัวโดยดี ก็จำเป็นต้องปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด เพราะคนร้ายมีอาวุธอาก้า พร้อมก่อเหตุรุนแรงได้ทุกเมื่อ

ขณะที่รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุ ทราบว่าเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 1กฉ 7338 ปัตตานี มีชื่อหญิงสาวใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นผู้ครอบครอง และไม่ได้มีประวัติเป็นรถที่ถูกโจรกรรม เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าหญิงสาวเจ้าของรถเกี่ยวข้องกับเหตุสังหารประธานกำนันบันนังสตาหรือไม่

รองแม่ทัพฯตั้งธงสร้างสถานการณ์

พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คนร้ายได้ยิงประธานชมรมกำนันบันนังสตาจนเสียชีวิต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ติดตามไล่ล่า จนมีการวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายได้ 1 คนและอีก 1 คนยังหลบหนี ซึ่งประเด็นที่ทำให้มีการก่อเหตุ เบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องของการสร้างความรุนแรง เพราะคนร้ายที่ก่อเหตุมีประวัติในบัญชีของกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่มาตลอด ขณะที่กำนันที่เสียชีวิตเป็นคนที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือทางราชการมานาน จึงคาดว่าตกเป็นเป้าของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อยู่แล้ว

delta

ผบช.ตชด.สงสัยคนร้ายพัวพันแก๊งค้ายา

ต่อมา วันเสาร์ที่ 1 ธ.ค.61 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ รอง ผบช.ตชด. ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.บันนังสตา เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และให้กำลังใจ ร.ต.อ.นิพนธ์ อ่อนรักษ์ หัวหน้าชุดเดลต้าพร้อมกำลังพลรวม 6 นายที่ปฏิบัติการไล่ล่าคนร้ายจนวิสามัญฆาตกรรมได้ 1 ศพ

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ห่วงใยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงสั่งการให้ตนลงมาให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้มอบเงินบำรุงขวัญแก่เจ้าหน้าที่ชุดเดลต้าด้วย

delta1

“ผมขอชมเชยชุดที่ปฏิบัติการที่ประสบเหตุและติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างกล้าหาญ จนสามารถวิสามัญฯคนร้ายได้ ขณะที่ฝ่ายเราก็ถูกยิงด้วย แต่เป็นรถกันกระสุน ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย นอกจากนี้ได้ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เพื่อขยายผลในการติดตามหาตัวคนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่ เชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้” ผบช.ตชด.ระบุ และว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญเกี่ยวข้องกับความมั่นคง และกลุ่มคนร้ายอาจจะพัวพันกับยาเสพติดในพื้นที่ด้วย

พล.ต.ท.สมพงษ์ บอกด้วยว่า สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตนได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความพร้อมและระวังตัวในการปฏิบัติอย่างที่สุด ต้องไม่ประมาทในทุกสถานการณ์ ออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งต้องติดอาวุธและสวมเสื้อเกราะ ตนเคยทำงานในพื้นที่นี้มาเป็นเวลากว่า 4 ปี รู้ดีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่ภารกิจสำคัญคือต้องดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนให้ได้


ที่มา / https://www.hilalahmar.org/wp-admin/post-new.php